ชื่อทางการ
เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam แปลว่า
ดินแดนแห่งความสงบสุข)
ที่ตั้ง
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว
ทิศตะวันออก ตะวันตกและทิศใต้ติดเขตซาราวัก ประเทศมาเลเซีย
โดยพื้นที่ร้อยละ 70
เป็นป่าไม้
พื้นที่
5,765 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 4 เขต คือ Brunei-Muara, Belait,
Temburong และ Tutong
เมืองหลวง
บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar
Seri Begawan) อยู่ในเขต Brunei-Muara
ประชากร
ประชากร
374,577 คน (2550) เชื้อชาติมาเลย์
250,967 คน (67%) จีน 56,187 คน (15%) และอื่น 67,424 คน (18%)
อัตราการเพิ่มประชากรปีละ 3.5
% (2550)
ภูมิอากาศ
ร้อนชื้น มีฝนตกชุกตลอดปี
อุณหภูมิเฉลี่ย 23-32 องศาเซลเซียส
ฝนตกหนักสุดช่วงเดือนกันยายนถึงมกราคม
และพฤษภาคมถึงกรกฎาคม อากาศเย็นสบายที่สุดจะอยู่ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน
ภาษา
ภาษามาเลย์ (Bahasa
Melayu) เป็นภาษาราชการ
ภาษาอังกฤษและภาษาจีนเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารแพร่หลาย
ศาสนา
ศาสนาประจำชาติ คือ ศาสนาอิสลาม (67%)
ศาสนาอื่น ๆ ได้แก่ ศาสนาพุทธ (13%) ศาสนาคริสต์
(10%)
และฮินดู
หน่วยเงินตรา
ดอลลาร์บรูไน (Brunei Dollar) ประมาณ 1.37 ดอลลาร์บรูไน/1 ดอลลาร์สหรัฐ (1)หรือ ประมาณ
ดอลลาร์บรูไน (Brunei Dollar) ประมาณ 1.37 ดอลลาร์บรูไน/1 ดอลลาร์สหรัฐ (1)หรือ ประมาณ
23.98 บาท/ 1 ดอลลาร์บรูไน (2) (บรูไนมีความตกลงแลกเปลี่ยนเงินกับสิงคโปร์ทำให้เงินดอลลาร์บรูไนมี
มูลค่า
เท่ากับเงินดอลลาร์สิงคโปร์และสามารถใช้แทนกันได้
แต่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สิงคโปร์ ประมาณ
23.95บาท/ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์)
GDP
GDP *18,918 ล้านดอลลาร์บรูไน (2549)
GDP per capita 49,400 ดอลลาร์บรูไน (2549)
GDP Growthร้อยละ 3.8
ระบอบการปกครอง
สมบูรณาญาสิทธิราชย์
โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัลโบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์
(His Majesty Sultan HajiHassanal Bolkiah Mu’izzaddin
Waddaulah) ทรงเป็นสมเด็จพระราชาฯ
องค์ที่ 29
ทรงเป็นองค์พระประมุขของประเทศตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2510 ซึ่งในปีนี้ (2551) เป็นวาระเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ
62 ปี ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ
วันสำคัญ
วันประกาศอิสรภาพ
1 มกราคม พ.ศ.2527
วันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระราชาธิบดีฯ 15 กรกฎาคม
การเมืองการปกครอง
- รัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 1 มกราคม 2527 กำหนดให้สมเด็จพระราชาธิบดีทรงเป็นอธิปัตย์
คือ เป็นทั้งประมุขและนายกรัฐมนตรี
สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ปัจจุบันยังทรงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลังอีกด้วย ทั้งนี้
นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นชาวบรูไนฯ เชื้อสายมาเลย์โดยกำเนิดและจะต้องนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่
- ปัจจุบันมีพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงพรรคเดียวคือ พรรค Parti Perpaduan Kebangsaan Brunei
(PPKB) ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลแต่ไม่มีบทบาทนัก โดยรัฐบาลบรูไน ฯ เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีพรรคการเมือง
เนื่องจากประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นหรือขอความช่วยเหลือจากข้าราชการของสมเด็จพระราชาธิบดีได้อยู่แลัว
สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ปัจจุบันยังทรงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการคลังอีกด้วย ทั้งนี้
นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นชาวบรูไนฯ เชื้อสายมาเลย์โดยกำเนิดและจะต้องนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่
- ปัจจุบันมีพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงพรรคเดียวคือ พรรค Parti Perpaduan Kebangsaan Brunei
(PPKB) ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลแต่ไม่มีบทบาทนัก โดยรัฐบาลบรูไน ฯ เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีพรรคการเมือง
เนื่องจากประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นหรือขอความช่วยเหลือจากข้าราชการของสมเด็จพระราชาธิบดีได้อยู่แลัว
-
ในปี 2547 มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญเมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีฯ
ทรงประกาศให้ฟื้นฟูสภานิติบัญญัติขึ้นอีกครั้ง
นำไปสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างประชาธิปไตยของบรูไนฯซึ่งพัฒนาการดังกล่าว
ได้รับการตอบรับที่ดีจากต่างประเทศ นักวิชาการ รวมทั้งพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ยังเคลื่อนไหวอยู่
- ในปี 2548 สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ทรงประกาศปรับคณะรัฐมนตรีครั้งสำคัญในรอบ 22 ปี โดยทรงแต่งตั้งมกุฎราชกุมารอัล
มูห์ทาดี บิลลาห์ ให้ทรงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวทางการสืบทอดอำนาจ
ในการบริหารประเทศในอนาคต นอกจากนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีโดยได้เปิดโอกาสให้นักธุรกิจที่มีความชำนาญและ
ผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิม เข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นว่าสมเด็จพระราชาธิบดีฯ ทรงให้ความสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจ ภาคพลังงาน รวมทั้งการพัฒนประเทศให้เป็นมุสลิมสายกลางมากขึ้นเพื่อให้บรูไนฯ
มีความเจริญทัดเทียมนานาประเทศ
- ปัจจุบันรัฐบาลของประเทศบรูไนประกอบได้ด้วย 12 กระทรวง คือ
นำไปสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างประชาธิปไตยของบรูไนฯซึ่งพัฒนาการดังกล่าว
ได้รับการตอบรับที่ดีจากต่างประเทศ นักวิชาการ รวมทั้งพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ยังเคลื่อนไหวอยู่
- ในปี 2548 สมเด็จพระราชาธิบดีฯ ทรงประกาศปรับคณะรัฐมนตรีครั้งสำคัญในรอบ 22 ปี โดยทรงแต่งตั้งมกุฎราชกุมารอัล
มูห์ทาดี บิลลาห์ ให้ทรงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวทางการสืบทอดอำนาจ
ในการบริหารประเทศในอนาคต นอกจากนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีโดยได้เปิดโอกาสให้นักธุรกิจที่มีความชำนาญและ
ผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิม เข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นว่าสมเด็จพระราชาธิบดีฯ ทรงให้ความสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจ ภาคพลังงาน รวมทั้งการพัฒนประเทศให้เป็นมุสลิมสายกลางมากขึ้นเพื่อให้บรูไนฯ
มีความเจริญทัดเทียมนานาประเทศ
- ปัจจุบันรัฐบาลของประเทศบรูไนประกอบได้ด้วย 12 กระทรวง คือ
- สำนักนายกรัฐมนตรี
- กระทรวงกลาโหม
- กระทรวงการคลัง
- กระทรวงการต่างประเทศ
- กระทรวงมหาดไทย
- กระทรวงศึกษาธิการ
- กระทรวงอุตสาหกรรม
- กระทรวงศาสนา
- กระทรวงการพัฒนา
- กระทรวงวัฒนธรรม
เยาวชนและกีฬา
- กระทรวงคมนาคม
การท่องเที่ยว
เมื่อปี
2548 มีนักท่องเที่ยวจากบรูไน ฯ
เดินทางมาไทยจำนวน 9,499 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2547
(9,345 คน) ร้อยละ 1.65 ทั้งนี้
แม้ว่านักท่องเที่ยวบรูไน ฯ จะเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยจำนวนไม่มากนัก แต่ก็เป็นนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงและมีศักยภาพที่จะเพิ่มจำนวนอีกได้
ทั้งที่เป็นลูกค้าประจำและผู้ที่นิยมสายการบินไทย
เศรษฐกิจการค้า
-บรูไนฯเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสามในภูมิภาคอาเซียนรองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย และเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ LNG อันดับสี่ของโลก จึงมีรายได้หลักจากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นมูลค่ากว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดโดยส่งออกไปยังญี่ปุ่นอออสเตรเลียจีนอินเดียสิงคโปร์ไทย และเกาหลีใต้ในขณะเดียวกันบรูไนฯนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคอาหาร และเครื่องจักรอุตสาหกรรมรถยนต์เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้าจากสิงคโปร์ อังกฤษ มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา
-บรูไนฯเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสามในภูมิภาคอาเซียนรองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย และเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ LNG อันดับสี่ของโลก จึงมีรายได้หลักจากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นมูลค่ากว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดโดยส่งออกไปยังญี่ปุ่นอออสเตรเลียจีนอินเดียสิงคโปร์ไทย และเกาหลีใต้ในขณะเดียวกันบรูไนฯนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคอาหาร และเครื่องจักรอุตสาหกรรมรถยนต์เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้าจากสิงคโปร์ อังกฤษ มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา
-
นอกเหนือจากอุตสาหกรรมน้ำมัน บรูไนฯ ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ อีก อาทิ
อุตสาหกรรมฮาลาล โดยรัฐบาลได้เปิดตัวโครงการBrunei Premium Halal Brand ขึ้น ภายใต้ความร่วมมือกับภาคเอกชนออสเตรเลียเพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและอาหารฮาลาลบรูไนฯ สู่ตลาดสากล นอกจากนี้ ยังส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์
โดยมีจุดขายอยู่ที่การเป็นประเทศที่มีความสงบและปลอดภัย และมีนโยบายจะพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและท่องเที่ยว (Service
Hub for Trade and Tourism – SHuTT 2003Vision) และการรักษาพยาบาล
- แผนพัฒนาประเทศ ฉบับที่ 9 รัฐบาลจะเน้นการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและการค้าซึ่งปัจจุบันบรูไนฯสามารถสร้างโรงงานผลิตเมทานอลขึ้นที่เขตอุตสาหกรรมSungaiLiang
นอกจากนี้รัฐบาลพยายามส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติและการลงทุนภายในประเทศ ในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
- ปัจจุบัน บรูไน ฯ
กำลังพยายามเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมันเป็นหลักไปสู่โครงสร้าเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมีบทบาทมากขึ้น มีมาตรการเปิดเสรีด้านการค้าและสร้างบรรยากาศ
ที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การพัฒนายังเป็นไปย่างล่าช้า เนื่องจากอุปสรรคหลายประการอาทิ กฎระเบียบที่เคร่งครัดต่างๆการห้ามชาวต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการ การขาดช่างฝีมือประกอบกับคนบรูไนฯ ไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบใหม่และระบบเศรษฐกิจการค้าเสรี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนจากต่างชาติ
ที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การพัฒนายังเป็นไปย่างล่าช้า เนื่องจากอุปสรรคหลายประการอาทิ กฎระเบียบที่เคร่งครัดต่างๆการห้ามชาวต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการ การขาดช่างฝีมือประกอบกับคนบรูไนฯ ไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบใหม่และระบบเศรษฐกิจการค้าเสรี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนจากต่างชาติ
ดอกไม้ประเทศบรูไน
ดอกไม้ประจำชาติบรูไน
ก็คือ ดอกซิมปอร์ (Simpor)
หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดอกส้านชะวา (Dillenia) ดอกไม้ประจำท้องถิ่นบรูไน ที่มีกลีบขนาดใหญ่สีเหลือง
หากบานเต็มที่แล้วกลีบดอกจะมีลักษณะคล้ายร่ม พบเห็นได้ตามแม่น้ำทั่วไปของบรูไน
มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล หากใครแวะไปเยือนบรูไน จะพบเห็นได้จากธนบัตรใบละ 1
ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน และในงานศิลปะพื้นเมืองอีกด้วย
อาหารยอดนิยมของบรูไน
อัมบูยัต (Ambuyat) เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไน
มีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊ก
โดยมีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง ไม่มีรสชาติ
แต่ความอร่อยจะอยู่ที่การจิ้มกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก 2-3 ชนิด เช่น ผักสด เนื้อห่อใบตองย่าง
หรือเนื้อทอด ทั้งนี้ การรับประทานอัมบูยัตให้ได้รสชาติ ต้องรับประทานตอนร้อน ๆ
จึงจะดีที่สุด
คำทักทายประเทศบรูไน
ชื่อภาษาท้องถิ่น –
เนการาบรูไนดารุสซาลาม
คำทักทาย - ซาลามัต ดาตัง
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศบรูไนดารุสซาลาม
เมืองบินบันดาร์
เสรี เบกาวัน
เมืองบินบันดาร์ เสรี เบกาวัน เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่สำคัญของประเทศบรูไนอยู่ในเขตการปกครองบรูไน-เมารา มีประชากรประมาณ 60,000 คน เดิมชื่อว่า เมืองบรูไน ภายหลังเมื่อบรูไนพ้นจากการคุ้มครองของอังกฤษแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นบันดาร์เสรีเบกาวัน
ปัจจุบันกรุงบันดาเสรีเบกาวันเป็นศูนย์กลางการเงินธุรกิจการค้า และการอุตสาหกรรมของประเทศ ทั้งยังเป็นสถานที่ผลิตน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติด้วย เมืองหลวงของบรูไนเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญของประเทศ เช่น พระราชวังหลวง ศูนย์ประวัติศาสตร์บรูไนพิพิธภัณฑ์บรูไน สุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันออกคือ มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน และ กัมปงเอเยอร์ หมู่บ้านดั้งเดิมของชาวบรูไนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำบรูไน
พิพิธภัณฑ์โรยัลเรกกาเลีย
พิพิธภัณฑ์โรยัลเรกกาเลีย พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการโหวตจากประเทศ
ในอาเชี่ยนว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าชมที่สุด
เป็นที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของสุลต่านองค์ปัจจุบัน อาทิ เครื่องทรงทองคำ
ในวันขึ้นครองราชย์และเครื่องบรรณาการจากผู้นำประเทศต่าง ๆ ชมมงกุฏทองคำ
บัลลังก์ทองคำ เครื่องทรงทองคำ รวมทั้งเครื่องราชย์มากมายที่พระองค์ได้รับ
มัสยิดทองคำ Jame Ar’ Hassanil Bolkiah Mosque
มัสยิดทองคำ Jame Ar’ Hassanil Bolkiah Mosque มัสยิดที่สง่างาม และศักดิ์สิทธิ์ของชาวบรูไน
ที่ใช้งบประมาณในการสร้างมหาศาล โดยมีการนำเข้าวัสดุการก่อสร้างและตกแต่งจากทั่วทุกมุมโลกใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 7 ปี
มีห้องสวดมนต์ 2 ห้องแยกชายและหญิงบันไดทางขึ้นแต่ละชั้นจะมี 29ขั้น
ห้องละหมาดด้านบนตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยพรมสีเหลืองทองดูสว่างไสว
จากนั้นนำท่านชมมัสยิด โอมาร์ อาลี ไซฟูดติน มัสยิดเก่าแก่อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไนตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์
เสรีเบกาวัน มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนการสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3 ผู้ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของบรูไน
และเป็นพระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน และมัสยินนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1958 มีความงดงามจนได้ชื่อว่า
มินิทัชมาฮาล
ชมบรูไนมิวเซียม
บรูไนมิวเซียม ภายในแยกส่วนจัดแสดงเป็น 5 ส่วนที่โดดเด่นที่สุดคือIslamic Arts Gallery ที่รวบรวมของสะสมโบราณล้ำค่าขององค์สุลต่านจากประเทศมุสลิมทั่วโลกมาแสดงไว้มากมาย , คัมภีร์อัลกุระอ่านขนาดเล็กที่สุดในโลก , หุ่นจำลองวัฒนธรรมประเพณีของชาวบรูไนตั้งแต่แรกเกิด
การแต่งงานฯอีกห้องที่พลาดไม่ได้คือห้องที่รวบรวมประวัติการค้นพบน้ำมัน
และก๊าซธรรมชาติจำนวนมหาศาลที่พลิกโฉมบรูไนให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ชมแบบ จำลองขบวนการผลิต แท่นขุดเจาะน้ำมันในยุคแรกๆ
มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน
มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน มัสยิคเก่าแก่อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไน
ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน
มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนินการสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3 พระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน
และสร้างเสร็จในปีค.ศ. 1958 พระองค์ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของบรูไน
มัสยิคนี้มีความงดงามจนได้ชื่อว่า มินิทัชมาฮาล ชมมัสยิด โอมาร์ อาลี ไซฟูดติน
มัสยิดเก่าแก่อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบรูไนตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์
เสรีเบกาวัน มัสยิดหลังนี้ออกแบบและดำเนการสร้างโดยสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟัดดินที่ 3 ผู้ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของบรูไน
และเป็นพระราชบิดาของสุลต่านองค์ปัจจุบัน และมัสยินนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1958 มีความงดงามจนได้ชื่อว่า
มินิทัชมาฮาล สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน บันดาร์เสรี เบกาวัน
ชุดประจำชาติบรูไน
ชุดประจำชาติของบรูไนคล้ายกับชุดประจำชาติของผู้ชายประเทศมาเลเซีย
เรียกว่า บาจู มลายู
ส่วนชุดของผู้หญิงเรียกว่า บาจูกุรุง (Baju Kurung) แต่ผู้หญิงบรูไนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส
โดยมากมักจะเป็นเสื้อผ้าที่คลุมร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ส่วนผู้ชายจะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงเข่า นุ่งกางเกง ขายาวแล้วนุ่งโสร่ง เป็นการสะท้อนวัฒนธรรมสังคม แบบอนุรักษ์นิยม เพราะบรูไนเป็นประเทศมุสสิม จึงต้องแต่งกายมิดชิดและสุภาพเรียบร้อย |
บาจู มลายู และบาจูกุรุง - ประเทศบรูไน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น